ทดลองเล่น, ระบบการทำงาน, แหล่งพลังงาน

Midea มั่นใจศักยภาพไทยเตรียมเดินหน้าเปิดโรงงาน

ไมเดีย ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบการผลิตอัจฉริยะของไมเดีย กรุ๊ป ด้วยการแถลงเปิดแผนสร้างโรงงานผลิตอัจฉริยะ ไมเดีย ไทยแลนด์ Smart Factory ภายในงาน ไมเดีย H2 E–order Fair 2021 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดย โทนี่ หลิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดี คอนซูเมอร์ แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ไมเดีย ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงทุนสร้างโรงงาน ไมเดีย ไทยแลนด์ Smart Factory บนเนื้อที่ 2.08 แสน ตร.ม. รวมตัวอาคารส่วนการผลิตขนาด 1.6 แสน ตร.ม.

ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งจะพร้อมเปิดปฏิบัติงานเต็มรูปแบบภายในไตรมาสสี่ปีนี้ โดย ไมเดีย ไทยแลนด์ Smart Factory จะเป็นโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตสูงที่สุดที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีนของไมเดีย กรุ๊ป อยู่ที่ 4 ล้านยูนิตต่อปีทั้งยังเป็นโรงงานผลิตสินค้าเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทดลองเล่นของไมเดีย (Residential Air Conditioner หรือ RAC) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โรงงานดังกล่าวได้วางระบบการผลิตตามแนวคิด MANUFUTURE 2.0 หรือการผลิตแห่งอนาคต

ซึ่งมาจาก Manufacture บวกกับ Future หมายถึงการที่ไมเดียได้ก้าวกระโดดจากการใช้ระบบอัตโนมัติแบบดั้งเดิมในกระบวนการผลิตมาเป็นโรงงานแห่งยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่เน้นใช้เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลของเครื่องจักร ซึ่งมีความยืดหยุ่น และการเชื่อมต่อกันตลอดสายการผลิต“การเปิดโรงงานใหม่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าไมเดีย กรุ๊ป เชื่อมั่นในศักยภาพ และมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญ แต่ยังเป็นกลยุทธ์สร้างการเติบโตให้กับกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศภายในบ้านอีกด้วย โดยโรงงาน ไมเดีย ไทยแลนด์ Smart Factory มีทั้งระบบการผลิตอัจฉริยะ ที่ได้นำ AI และบิ๊กดาต้า เข้ามาใช้งาน และยังเป็นระบบการผลิตแบบอัจฉริยะ ที่เน้นการลดความสูญเปล่าของกระบวนการผลิต” โทนี่ กล่าว

ภายในโรงงาน ไมเดีย ไทยแลนด์ Smart Factory ประกอบด้วย  4 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  • อิเล็กทรอนิกส์ เวิร์คช็อป แบบ One Flow ซึ่งรับผิดชอบขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะป้อนแผงวงจรเข้าสู่ไลน์ประกอบ DIP ก่อนจะส่งต่อไปสู่การประกอบขั้นสุดท้าย ขณะที่ส่วนประกอบอื่นยังคงถูกส่งผ่านไลน์การผลิตตามขั้นตอนอย่างลื่นไหลต่อเนื่อง ไม่มีการสะดุด ทั้งยังช่วยย่นระยะเวลาในการประกอบสินค้าได้อย่างมาก โดยมีระบบ SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) ที่ช่วยตรวจสอบการเชื่อมต่อการทำงานระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ เก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้อง และบริหารกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • สายการผลิตโดยหุ่นยนต์ Kuka ใช้กับไลน์สินค้าเครื่องปรับอากาศภายนอกอาคารแบบแยกส่วน ซึ่งช่วยให้ทั้งสายการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ไมเดียยังมีกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ และแม่พิมพ์ต่างๆ ที่พิถีพิถัน และทันสมัยทำให้ทุกชิ้นส่วนประกอบได้มาตรฐานสม่ำเสมอ ไม่มีการคลาดเคลื่อน ทั้งยังทำในระบบอัจฉริยะจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต และลดอัตราส่วนของเสียระหว่างการผลิต รวมถึงดำเนินการผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามเวลาที่กำหนด
  • ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ ด้วยระบบรางลอยฟ้า ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติอัจฉริยะที่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้มาก โดยจะทำหน้าที่ขนส่งชิ้นส่วนประกอบหรือตัวสินค้า 3 รายการ ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบเสร็จ ชิ้นส่วนทั้งหมดที่ประกอบเสร็จ และผลิตภัณฑ์ที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งระบบรางขนส่งลอยฟ้าภายในโรงงานนี้จะใช้กับสินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศแบบหน้าต่างราว 70% ของขั้นตอนการผลิตทั้งหมดและเครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ราว 85%
  • ห้องควบคุมปฏิบัติการดิจิทัล ซึ่งมีจอแอลอีดีโค้งขนาดยักษ์ เพื่อแสดงภาพข้อมูลจากกระบวนการผลิตทั้งหมด ช่วยในการบริหารระบบซัพพลายเชนภายในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทดลองเล่น ยังใช้ Digital Twins สำหรับบริหารการทำสำเนาข้อมูล การติดตาม และวัดผล รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพสูง เพื่อใช้คู่กับขั้นตอนการก่อสร้างโรงงานและการผลิตต่างๆ

“MANUFUTURE คือแนวคิดที่จะทำให้สินค้าเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของไมเดียก้าวไปสู่ความสำเร็จขั้นต่อไป สามารถเผชิญความท้าทายต่าง ๆ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ผ่านการค้นพบใหม่ ๆ นวัตกรรม และมุมมองทางอุตสาหกรรม แนวคิดดังกล่าวยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของไมเดีย กรุ๊ป ในเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะอย่างสมบูรณ์ ไมเดีย ไทยแลนด์ Smart Factory ซึ่งเป็นโรงงานในต่างประเทศลำดับที่ 6 ของไมเดีย กรุ๊ป จึงให้ความสำคัญต่อการผลิตแบบอัตโนมัติด้วยรูปแบบอัจฉริยะ ที่มีทั้งความยืดหยุ่น การเชื่อมโยงถึงกัน ความยั่งยืน และสามารถสร้างคุณประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ตลอดกระบวนการผลิต

โรงงานนี้จะสามารถผลิตสินค้าคุณภาพสูงด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และมีความยั่งยืนมากกว่าที่เคย และจะมีสินค้าทดลองเล่นเครื่องปรับอากาศภายในบ้านออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบไลฟ์สไตล์ที่ชาญฉลาด และความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคชาวไทย” โทนี่ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *